4 ตัวชี้วัดความเป็นความตายของของธุรกิจ

February 14, 2021
The Spidery
Team Member
เลือกอ่านตามหัวข้อย่อย

รู้จักกับ The Spidery ทีมการตลาดออนไลน์

เรามุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ วัดผลได้
เราวัดผลกิจกรรมทางการตลาดที่นำมาซึ่งยอดขายและผลตอบแทนจากการลงทุน
ดูแลครบจบทุกองค์ประกอบการตลาด
ประหยัดเวลาของคุณได้มากขึ้น เราดูแลทั้งกระบวนการการตลาด นำเสนอแผนที่เหมาะสมกับธุรกิจคุณมากที่สุด
ราคาเท่ากับจ้างพนักงาน เริ่มต้น 9000฿
แต่คุณจะได้ทีมงานคุณภาพมากประสบการณ์ไปทั้งทีม และไม่ต้องห่วงเราทำงานเพื่อผลลัพธ์เหมือนพนักงานในบริษัทคุณ
แชร์

เราคงเข้าใจอยู่แล้วว่าการวัดผลช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจว่ากำลังเติบโตหรือว่ากำลังจะตายลงไป แต่การวัดแค่ยอดขายหรือกำไรนั้นอาจไม่ช่วยให้เราเห็นภาพมิติอื่น ๆ หากเราต้องการให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ฉะนั้นบทความนี้จะมาบอก ตัวชี้วัดที่คุณควรจะให้ความสนใจกับมัน

1. Customer Acquisition Cost(CAC) หรือต้นทุนต่อการได้ลูกค้า

ตัวชี้วัดนี้คือต้นทุนของการใช้จ่ายเพื่อให้ได้ลูกค้ามา 1 ราย โดยปกติแล้วต้นทุนมันจะมาจากการขายและการทำการตลาด ทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าโฆษณา ค่าออกแบบเว็บไซต์ เป็นต้น

ตัวอย่างง่าย ๆ คือถ้าเราลงทุนเงิน 100 บาท แต่กลับได้ลูกค้ามา 5 ราย CAC เราก็คือ 20 บาท

เมื่อเรารู้แล้วว่าเราใช้ต้นทุนไปเท่าไหร่กับการหาลูกค้า เราก็จะประเมินได้ว่าต้นทุนนี้สูงหรือต่ำสำหรับงบประมาณของธุรกิจ หากมันสูงเกินไปสำหรับงบประมาณที่ตั้งไว ธุรกิจคุณอาจจะไม่สามารถทำกำไรได้จากการขายสินค้าหรือบริการ เราจึงควรรู้ตัวชี้วัดนี้เพื่อจะได้ปรับปรุงและแก้ไขวิธีการหาลูกค้า

2. Retention การซื้อซ้ำ

ตัวชี้วัดนี้คือการที่ธุรกิจคุณได้ลูกค้ามาแล้ว ลูกค้าแต่ละคนซื้อสินค้าหรือบริการของคุณซ้ำมากน้อยแค่ไหน ผลสำรวจบอกว่าต้นทุนการทำให้ลูกค้าเก่าซื้อต่ำกว่าทำให้ลูกค้าใหม่ซื้อ 6-7 เท่าเลยทีเดียว

อีกนัยนึงตัวชี้วัดนี้บอกได้ด้วยว่าสินค้าหรือบริการคุณประทับใจลูกค้าหรือไม่ ถ้า 'ใช่' เราบอกได้เลยว่าเปอร์เซ็นการซื้อซ้ำของคุณจะสูงมากแน่นอน แต่ถ้า 'ไม่' เปอร์เซ็นการซื้อซ้ำของคุณจะต่ำมาก

วิธีการคำนวณคือเราต้องแยกลูกค้าที่ซื้อครั้งแรกกับลูกค้าที่ซื้อซ้ำ เมื่อเรามีจำนวนลูกค้าที่ซื้อครั้งแรกทั้งหมด 100 คน และมีลูกค้าที่ซื้อซ้ำจำนวน 25 คน นั่นแปลว่าอัตราการซื้อซ้ำของคุณอยู่ที่ 25%

3. Customer Lifetime Value (LTV)

คือรายได้ที่เราจะได้จากลูกค้าหนึ่งคนในตลอดช่วงเวลาที่เขาจะยังคงเป็นลูกค้าในธุรกิจของเรา

อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เลือกลูกค้าได้ดี มีกำไรมากขึ้นด้วย  LTV(Customer Lifetime Value)

4. Referral การบอกต่อ

ตัวชี้วัดนี้คือการที่ธุรกิจคุณได้ลูกค้ามาแล้ว ลูกค้าแต่ละคนบอกต่อมากน้อยแค่ไหน ตัวชี้วัดนี้คล้าย ๆ กับ Retention คือตัวชี้วัดนี้บอกได้ด้วยว่าสินค้าหรือบริการคุณประทับใจลูกค้าหรือไม่ ถ้าไม่เขาคงไม่บอกต่อแน่นอน หรือแย่กว่านั้นคือไปเล่าให้กับคนรู้จักว่าเขามีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับสินค้าหรือบริการของเรายังไงบ้างแน่นอน

การหาอัตราการ Referal อย่างง่ายคือการทำสำรวจโดยการกรอกแบบฟอร์มโดยใช้คำถามง่าย ๆ ที่บางคนอาจจะเคยโดยถามมาบ้างแล้วว่า "คุณยินดีที่จะแนะนำสินนำสินค้าหรือบริการต่อให้กับคนรู้จักหรือไม่"

หากมีคำถามหรือข้อโต้แย้งสามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้เลย! หากชอบคอนเทนต์แบบนี้ฝากกดแชร์เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังสนุกกับการทำธุรกิจแล้วเติบโตไปด้วยกัน"

บทความนี้มีประโยชน์
มากน้อยเพียงใด ?
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

บทความแนะนำ

ดูบทความทั้งหมด →

STP คืออะไร วิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ในการทำตลาดพร้อมตัวอย่าง

เสื้อไซต์เดียวไม่สามารถทำให้ใส่ได้ทุกคน การเลือกกลุ่มเป้าหมายในตลาดเพื่อขายสินค้าและบริการก็เช่นเดียวกัน STP Marketing จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ความเหมาะสมระหว่างสินค้าและบริการกับกลุ่มเป้าหมาย

อ่านต่อ →

TOWS Matrix คืออะไร ช่วยคุณวางกลยุทธ์ให้ดีขึ้นได้อย่างไร

หากคุณค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลมาแล้วไม่สามารถนำมาวางกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจว่าครอบคลุมทุกมุมมอง TOWS Matrix จะมาช่วยวางกลยุทธ์ได้อย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อ →

Vision, Mission, Value คืออะไร ถ้าไม่มีจะส่งผลกับธุรกิจอย่างไร

ปัญหาหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับธุรกิจจากการมีทิศทางขององค์กรไม่ชัดเจน การสร้าง Vision, Mission, Value ขององค์กรของคุณจะช่วยประหยัดทรัพยากรณ์และลดข้อผิดพลาดได้ในระยะยาว

อ่านต่อ →
The spidery

บริษัทการตลาดออนไลน์ที่ดูแลคุณแบบครบรอบด้าน ช่วยธุรกิจคุณเติบโตได้เร็วและคุ้มค่ากว่าที่เคย

©Copyright 2024 by The Spidery. All rights reserved  Privacy Policy Cookie Setting